กลายเป็นประเด็นดราม่าร้อนแรงขึ้นมาทันทีเกี่ยวกับผลประโยชน์เงินค่าเยียวยา หลังจากที่ก่อนหน้านี้เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ โศกนาฏกรรมไฟไหม้รถบัสขณะที่กำลังนำนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ไปทัศนศึกษา ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต รวม 23 ศพ และไฟลวกนักเรียนเจ็บสาหัส 3 ราย เหตุเกิดบนถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้ากทม. หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อสายวันที่ 1 ต.ค. สาเหตุเกิดจากแก๊ส NGV รั่วไหลจากถังก๊าซเชื้อเพลิง CNG ที่ติดตั้งไว้ 11 ถัง คนขับรถบัสและผู้ครอบครองรถถูกดำเนินคดีไปแล้ว ขณะที่บริษัทประกันภัยได้จ่ายสินไหมทดแทนให้กับญาติผู้เสียชีวิตรายละกว่า 1.2 ล้านบาท
ภายหลัง คปภ.และบริษัทประกันภัย เดินทางมามอบเงินสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของครูและนักเรียนทั้ง 23 ราย จากเหตุรถบัสทัศนศึกษา ร.ร.วัดเขาพระยาสังฆาราม รวมยอดเงินประกันกว่า 30 ล้านบาท ปรากฏว่ามีหลายครอบครัวของผู้เสียชีวิต เกิดปัญหาเรื่องการรับเงินประกันภัยก้อนนี้ เพราะบางครอบครัวผู้เป็นพ่อแม่ไม่ได้เป็นคนเลี้ยงดูผู้เสียชีวิต แต่กลับเป็นผู้ที่รับเงินประกันตามชอบด้วยกฎหมาย หนึ่งในนั้นคือครอบครัวของ “น้องปูอัด” เด็กชายวัย 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป.3 หนูน้อยฮีโร่ ที่แสดงความกล้าหาญเข้าไปช่วยปลุกเพื่อนให้หลบหนีขณะเกิดเหตุไฟไหม้รถบัสจนรอดชีวิต แต่ตัวเองต้องเสียชีวิตแทน
จากการสอบถามผู้นำชุมชนทราบว่า น้องปูอัดอยู่ในความดูแลของพ่อแท้ๆ และป้าคือนางไพฑูรย์ พงศ์กสิการณ์ อายุ 62 ปี พี่สาวพ่อน้องปูอัด เมื่อสอบถามข้อเท็จจริง นางไพฑูรย์เปิดเผยว่า แม่น้องปูอัดนำน้องปูอัดมาให้ตนเลี้ยงดูตั้งแต่น้องอายุได้ 7 เดือน แต่พอมาวันนี้ แม่น้องปูอัดกลับมาพูดว่าตนและพ่อน้องเป็นคนไปแย่งน้องมา ทั้งที่เรื่องจริงแม่น้องเป็นคนบอกให้น้องมาอยู่กับตนก่อน แต่มาวันนี้กลับมาใช้สิทธิ์ความเป็นแม่รับเงินสินไหมทดแทนก้อนนี้ไป ทั้งที่คนที่ดูแลน้องปูอัดจริงๆแล้วคือ พ่อ น้าสาว และป้า ไม่ใช่แม่ของน้องเลย นานๆครั้งหรือแทบจะปีละครั้งที่น้องปูอัดจะได้เจอแม่ เมื่อวานนี้แม่น้องปูอัดมารับเช็คเงินประกัน ยอดเงินประมาณ 1.2 ล้านบาทไปแล้ว หากมองตามหลักความเป็นธรรม คนที่ควรได้รับเงินก้อนนี้คือพ่อของน้องปูอัดที่เป็นคนเลี้ยงลูกมา
ยายน้องออโต้ นักเรียนชั้น ป.3 เพื่อนสนิทน้องปูอัด มีบ้านอยู่ใกล้กัน เล่าว่าวันเกิดเหตุน้องออโต้ หลานชายอยู่ในรถบัสคันเกิดเหตุไฟไหม้ด้วย และเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวาน หลังจากสำลักควันไฟไปเยอะมาก น้องออโต้เล่าให้ฟังว่า ที่รอดมาได้เพราะวันเกิดเหตุ น้องปูอัดเป็นคนวิ่งขึ้นไปปลุกให้ตื่น จนทำให้วิ่งลงมาจากรถได้อย่างปลอดภัย แต่น้องปูอัดไม่ยอมวิ่งออกมาเพราะบอกว่าจะไปช่วยเพื่อนอีกคนก่อน สุดท้ายน้องปูอัดออกมาไม่ทันและสิ้นใจคากองเพลิง รู้สึกสะเทือนใจ และชื่นชมในวีรกรรมความกล้าหาญของน้องปูอัดมาก
ต่อมาช่วงบ่าย ป้าน้องปูอัดและน้องสาวพ่อน้องปูอัด ให้ข้อมูลอีกครั้งว่า หลังมีกระแสข่าวเรื่องที่แม่น้องปูอัดมารับเงินประกันก้อนดังกล่าวไปนั้น ล่าสุดแม่น้องปูอัดได้นำเช็คเงินประกันที่รับไปมาคืนให้กับตนแล้ว พูดคุยตกลงกันด้วยดี ขอขอบคุณผู้สื่อข่าวที่ช่วยติดตามเรื่องนี้จนได้เงินคืนกลับมา ตนและพ่อของน้องปูอัดไม่ได้อยากจะรับเงินไว้ทั้งหมดฝ่ายเดียว จะแบ่งเงินให้กับแม่น้องปูอัดด้วยเช่นกัน แต่จะแบ่งเท่าไหร่ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของน้องชายที่เป็นพ่อของน้องปูอัด ขอให้เสร็จงานศพก่อนค่อยมาพูดคุยตกลงกัน
ต่อมานางกิ่ง (นามสมมติ) อายุ 49 ปี แม่น้องปูอัด ชี้แจงถึงกรณีดราม่าในโซเชียลว่า ตนเป็นแม่บังเกิดเกล้าน้องปูอัด ไม่ได้จดทะเบียนกับพ่อน้องปูอัด ทำให้ตนมีสิทธิเป็นผู้ปกครองเต็มที่ตามกฎหมาย หลังเลิกรากันญาติฝ่ายพ่อน้องปูอัดเป็นคนเลี้ยง แต่ตน ไม่ได้ละเลยรับน้องไปนอนทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตนเป็นอาสาสมัครกู้ภัย ยังเคยพาน้องออกสนามไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บด้วย ยืนยันไม่ได้ทิ้งน้องตามที่เป็นข่าว ส่วนเช็คเงินเยียวยา 1.2 ล้านบาท ตนรับไปจริง ในวันนั้นตนมาพร้อมกับพ่อของน้องปูอัด หลังรับเช็คแล้วได้ยื่นให้พ่อน้องปูอัดทันที ส่วนซองเงินเยียวยาที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนมอบให้ในงานศพ ส่วนใหญ่เป็นญาติพ่อน้องปูอัดที่รับซองไป เรื่องทั้งหมดญาติของพ่อน้องปูอัดทราบเรื่องมาโดยตลอด กลายเป็นว่าพอเกิดเรื่องดราม่า ทั้งตนและญาติพ่อน้องปูอัดยังแปลกใจว่าใครไปร้องเรียนสื่อ